ดูแค่ผลงานในปีที่แล้ว มารุโอะ มารุอิจิโร่ ได้มีผลงานโดดเด่นอันหลากหลาย อย่างการเขียนบทละคร “Majimuri Gakuen” ที่เมมเบอร์ AKB48 แสดง เขียนบทและกำกับผลงานชิ้นเดียวกันในรูปแบบละครเวที และการแสดงของ Gekidan 4 Dollar 50 Cent ที่โปรดิวซ์โดยอากิโมโตะ ยาสึชิ ทั้งยังแสดงละครเวทีและบนจอในฐานะนักแสดง รวมไปถึงการเดบิวต์ในฐานะนักเขียนนิยายอีกด้วย
โดย Gekidan Shika Goroshi ที่สังกัดนั้น จะทำการแสดงผลงานแนวลึกลับอย่าง ‘Yama Inu’ ที่เล่นครั้งแรกในปี 2006 และได้รับกระแสตอบรับในวงกว้าง ครั้งนี้จะเป็นการเล่นในรอบ 5 ปีนับที่เคยรีเมคไว้เมื่อปี 2014 เป็นเรื่องราวที่พูดถึงขีดจำกัดของมนุษย์และความรักอันบริสุทธิ์ที่แสดงโดยนักแสดงจำนวนเพียงน้อยนิด
สำหรับครั้งนี้จะเป็นเวอร์ชั่นใหม่ที่สลับเพศของตัวละครหลัก บทเพศชายที่เล่นมาจนถึงตอนนี้จะเป็น อิวาตาเตะ ซาโฮะ, โอตะ นาโอะ, ทานิกุจิ เมกุ จาก AKB48 และ ยามาโมโตะ โคจิโร่ จาก CONDORS อีกทั้ง Oreno Graffity, มารุโอะ จาก Gekidan Shika Goroshi ร่วมแสดง
จากการร่วมกันระหว่าง 3 กลุ่มที่มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงอย่าง AKB48, CONDORS, Gekidan Shika Goroshi จะทำให้เกิดละครเวทีแบบไหนกันนะ? มาฟังจากมารุโอะที่เขียนบท, กำกับ, แสดง และทานิกุจิที่ร่วมแสดงกันดู
‘Yama Inu’ โฉมใหม่ครั้งนี้ที่ถือกำเนิดจากการสลับเพศ
―― ‘Yama Inu’ ที่เล่นมาในอดีต 2 รอบ ในครั้งนี้จะเป็นการแสดงที่สลับเพศชายหญิงของตัวละคร
มารุโอะ : ตอนที่ได้สร้างละครเวที ‘Majimuri Gakuen’ ตอนฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้วร่วมกับเมมเบอร์ AKB48 ทำให้รู้สึกอยากจะสร้างละครเวทีด้วยกัน และอยากจะดึงความสามารถที่มีอยู่ของพวกเธอออกมาล่ะครับ ก็เลยเป็นการสลับเซตติ้งเพศชายหญิงของละครเวที ‘ยามะอินุ’ ที่มีระดับความยากสูงสำหรับนักแสดง และอยากเปลี่ยนโฉมละครเวทีที่แสดงโดยเมมเบอร์ AKB48 ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของผลงานชิ้นนี้ล่ะครับ โดยผลงานชิ้นนี้เป็นเรื่องราวของสิ่งที่ปรุงแต่งไว้ลอกออกมาในขณะถูกกักขัง จนทำให้ธาตุแท้ของคนคนนั้นก็ได้หลุดออกมาเช่นกัน ซึ่งโจทย์การแสดงนั้นอยู่ที่ว่า เมมเบอร์ AKB48 จะแสดงมุมใหม่ๆ ในฐานะนักแสดงออกมาได้แค่ไหนครับ
――ตอนเขียนแก้บท นอกจากส่วนที่สลับเพศแล้ว ส่วนที่ต่างจากเดิมเป็นยังไงบ้าง?
มารุโอะ : เพราะเซตติ้งเป็นชมรมคอรัสในสมัยมัธยมปลาย ก็เลยใส่เพลงไปประมาณ 4 เพลงในการแสดงครับ ตัวเพลงนั้นตั้งใจจะให้ออกมาแก่นประมาณว่า “แสงแห่งความหวังในยุคอันดีงาม” แต่เดิมเป็นผลงานที่เนื้อหารุนแรงมาก่อน พอตัวละครหลักเป็นผู้หญิง ส่วนสำคัญที่สุดคือนักแสดงจะทำความเข้าใจและแสดงสิ่งที่ว่านั้นออกมายังไงกัน คิดว่าจะถูกปรับเปลี่ยนไประหว่างการซ้อมละครล่ะครับ
――ฉากเวทีนี่ดูท่าจะเป็นการจัดฉากละครเวทีที่เรียบง่าย
มารุโอะ : คิดว่างานศิลป์อย่างละครเวทีเนี่ย มีละครเวทีพวกที่ไม่ต้องใช้อะไรเล่าเรื่องเท่าไหร่ก็ดีเหมือนกันนะ ละครเวทีมันคือการที่ได้อยู่ร่วมสถานที่เดียวกันกับผู้ชม ซึ่งสิ่งนั้นแหละคือความสนุกที่แท้จริง เลยคิดงานศิลป์ละครเวทีที่สร้างร่วมดื่มด่ำบรรยากาศที่กระชากอารมณ์ได้ล่ะครับ แน่นอนว่าพลังจูงใจของนักแสดงนั้นสำคัญเลยล่ะครับ เพราะนักแสดงจะต้องสื่อถึงการเล่าสถานที่ไม่ก็สถานการณ์ออกมา
――ทานิกุจิซังคิดอย่างไรกับการแสดงผ่านฉากเวทีที่เรียบง่าย
ทานิกุจิ : พอลองย้อนไปมองละครเวทีของ AKB48 ที่เล่นจนถึงตอนนี้ ไม่ได้เป็นมีการจัดฉากเวทีมากมายเท่าไหร่ ก็เลยไม่ได้กังวลในจุดนั้นล่ะค่ะ อยากจะสร้างละครเวทีที่ผู้ชมมาร่วมดื่มด่ำอยู่ในบรรยากาศเดียวกัน มารับรู้ความรู้สึกที่ถูกกักขังด้วยกันล่ะค่ะ (ฮา)
อยากจะสนุกกับการแสดงออกมาสบายๆ ในแบบตัวเอง
――บทของทานิกุจิซังเป็นผู้หญิงวัย 28 ปี อดีตหัวหน้าชมรมคอรัสที่มีนิสัยไม่ยอมใคร เทียบกับตัวเองแล้วเป็นอย่างไร?
ทานิกุจิ : คิดว่าต่างโดยสิ้นเชิงล่ะค่ะ ถ้าถามว่าตัวเองแนวไหน ปกติตัวฉันจะเป็นพวกว่าง่ายล่ะค่ะ เป็นประเภทไม่ค่อยแสดงความมั่น หรือด้านแข็งข้อไม่อยากแพ้ออกมาให้เห็นเท่าไหร่นะคะ ก็คิดว่าตัวเองจะแสดงออกมาผ่านละครเวทีได้ไหม แต่ก็ยังมีส่วนที่พอเหมือนตัวเองอยู่บ้าง เลยอยากจะทำให้การฝึกซ้อมต่อจากนี้ออกมาในแบบของตัวเองล่ะค่ะ
――บทของมารุโอะซังก็เป็นตัวละครที่ค่อนข้างมีอิมแพคน่าดู
มารุโอะ : มนุษย์เราเวลาไม่มีที่ระบายออกมา ก็จะเอาความรู้สึกนั้นไปพุ่งชนกับสิ่งที่เห็นว่าอยู่ต่ำกว่าตัวเองจนได้ โดยเป็นเรื่องราวที่สั่งสมสิ่งเหล่านี้เอาไว้ล่ะครับ บทของผมเป็นคนต่างชาติที่ชื่อ ค๊อกซัง หวังว่าจะได้เป็นการเล่าถึงมนุษย์ผู้เต็มไปด้วยปริศนา ราวกับมีต้นกำเนิดที่เต็มไปด้วยความโดดเดี่ยวและความมืดมิดออกมาได้
――จากมุมทานิกุจิซัง ผู้กำกับมารุโอะซังเป็นคนแบบไหนกัน?
ทานิกุจิ : การกำกับของมารุซัง จะเป็นการให้นักแสดงเล่นออกมาอย่างอิสระมากกว่าที่จะพูดว่า “ให้ทำแบบนี้นะ” พอพูดถึงผู้กำกับแล้วจะให้ฟีลว่าเป็นคนที่ไกลตัวหน่อยๆ แต่ว่ามารุซังนั้นคอยอยู่ใกล้ๆ และช่วยกันคิด ก็เลยรู้สึกขอบคุณอย่างมากเลยค่ะ ก่อนหน้านี้ได้ไปดูการแสดงที่มารุซังเป็นคนกำกับ ประทับใจตรงที่นักแสดงแต่ละคนสนุกกับละครเวทีอย่างอิสระดีล่ะค่ะ ถึงเนื้อหาครั้งนี้จะน่ากลัว แต่หวังว่าตัวฉันจะสามารถเล่นออกมาได้อย่างสนุกล่ะค่ะ
――ยามาโมโตะ โคจิโร่ซัง จาก CONDORS ก็จะแสดงด้วย มีจุดที่ต้องใช้การแสดงอารมณ์ด้านร่างกายเยอะใช่มั้ย?
มารุโอะ : ดูท่าจะมีการแสดงอารมณ์ที่ต้องควบคุมระหว่างเวลาและอารมณ์ในการหยุดชั่วอึดใจแล้วถ่ายทอดให้เห็นภาพออกมาอย่างพอควรเลยล่ะครับ ในผลงานชิ้นนี้ เหล่าคนที่ปรากฏตัวในเรื่องจะถูกกักขัง ซึ่งคิดว่าปกติไม่มีประสบการณ์ถูกกักขังแล้วก็ใช้ชีวิตโดยไม่กินไม่ดื่มกันอยู่แล้ว เพราะงั้นจะเป็นการจินตนาการถึงสถานการณ์ที่ถูกบีบคั้นแค่ไหน แล้วสร้างสรรมันออกมาล่ะครับ
ตั้งเป้าไปที่ละครเวทีที่ถ่ายทอด ‘ความเอาจริง’ ออกมา
――ปัจจัยในการตัดสินใจแคสติ้งทานิกุจิซังหนนี้ออกมาอย่างไร?
มารุโอะ : ตอนที่เล่น Majimuri Gakuen ด้วยกัน ประทับใจตรงที่เมกุมีความเป็นมืออาชีพสูงมาก และเป็นเด็กที่มีรับผิดชอบถึงวิธีการถ่ายทอดของตัวเองพอควร ผมสัมผัสถึงความรู้สึก “ไม่อยากแพ้ใคร” “อยากให้ดูตัวฉัน” อย่างแรงกล้าได้ ซึ่งคิดว่าสิ่งนี้มันสำคัญมากๆ เลยล่ะครับ เมมเบอร์ AKB48 เป็นเด็กที่ถูกเลือกมาและทั้งมีความสามารถพิเศษ เพราะงั้นเวลาใบ้อะไรไปอย่างนึง ก็จะตีความออกมาด้วยตัวเอง และช่วยพัฒนาระดับความสามารถให้สูงขึ้นไปเยอะๆ ล่ะครับ สำหรับทางนี้เองก็รู้สึกว่ามีค่าที่จะทำ ตั้งตารอเลยล่ะครับ
――สำหรับทานิกุจิซังที่ทำงานอยู่ใน AKB48 แล้ว การที่ได้แสดงละครเวทีแบบนี้ คิดว่าเป็นการท้าทายอย่างหนึ่งเช่นกัน
ทานิกุจิ : ชอบการยืนบนเวทีแล้วร้องเต้นมากๆ อยู่แล้ว ซึ่งคิดว่าด้านแสดงอารมณ์นั้นก็เหมือนกับการแสดงของละครเวทีล่ะนะ แต่ว่าการพูดบทนั้นยากจริงๆ เลยค่ะ ครั้งนี้มีนักแสดงแค่ 6 คน บทพูดก็เลยเยอะ ก็ห่วงว่าจะจำได้มั้ยล่ะค่ะ (ฮา)
――สุดท้าย ช่วยกล่าวถึงความมุ่งมั่นที่มีต่อการแสดงหน่อย
มารุโอะ : ครั้งนี้เป็นละครเวทีที่ร่วมกันโดย 3 เจ้าอย่าง AKB48, Gekidan Shika Goroshi, CONDORS คิดว่ายังไงก็มีคนที่มองในมุมว่า “ละครเวทีไอดอลล่ะสิท่า?” อยู่ด้วยล่ะครับ แต่อยากจะสร้างละครเวทีที่ถ่ายทอดความเอาจริงของทุกคนออกมาอย่างไม่ยั้ง แล้วทำให้กลับคำได้ว่า “ขอโทษที่ดูถูกออกไป!” ล่ะครับ สำหรับพวกผมจะสามารถเข้าถึงผลงานชิ้นนี้ได้แค่ไหนนั้น จะดีใจถ้ามาชมผลลัพธ์กันครับ
ทานิกุจิ : ตอนที่ละครเวที Majimuri Gakuen มีกำหนดว่าจะเล่น ก็มีถูกว่า “ละครเวทีไอดอลล่ะสิท่า?” เหมือนกันล่ะค่ะ ทำให้ตัวฉันรู้สึกเจ็บใจ และพยายามกับทุกคนเพื่อให้เวลาแสดงจริงไม่ถูกพูดแบบนั้นออกมาอย่างเด็ดขาด น่ายินดีตรงที่กระแสวิจารณ์ดี และดีใจตอนที่ถูกชมว่า “ไอดอลเนี่ยสุดยอดดี” ล่ะค่ะ สำหรับครั้งนี้อยากจะวางสถานะไอดอลเอาไว้ แล้วพยายามอย่างสุดความสามารถบนเวทีในฐานะบทคนคนหนึ่งที่ตัวเองจะเล่นล่ะค่ะ
ได้รับรู้ถึงความรู้สึกของมารุโอะที่อยากจะสร้างละครเวทีดีๆ ร่วมกับพวกเธอ และความรู้สึกของทานิกุจิที่อยากท้าทายกับงานกำกับของมารุโอะกันแล้ว การที่ต่างฝ่ายยอมรับกันและกัน เชื่อใจกันและกัน แล้วพุ่งเข้าชนกันบนเวทีอย่างเอาจริงเอาจัง ท่าจะเป็นผลงานที่จัดเต็มน่าดู อยากจะชวนให้ไปที่โรงละครแล้วไปดื่มด่ำบรรยากาศเสมือนกับผู้ชมก็ร่วมถูกกักขังกันดู