อิวาตาเตะ ซาโฮะ, โอตะ นาโอะ, ทานิกุจิ เมกุ จาก AKB48 ที่จะมาร่วมแสดง ผลงานลี้ลับของมารุโอะ มารุอิจิโร่ “Yama Inu” ที่จะเปิดม่านตั้งแต่ 27 กุมภาพันธ์กันอย่างมุ่งมั่น ลองถามทั้ง 3 คนอย่างละเอียดถึงผลงานชิ้นนี้ที่แสดงอารมณ์ด้านที่ต่างจากพวกที่เต้นในฐานะไอดอลบนเวทีโดยสิ้นเชิง และยังความมุ่งมั่นที่มีต่อผลงานชิ้นนี้กัน
น่าสนุกก็ตรงที่ยามปกติไม่ได้ทะเลาะเบาะแว้งกัน!? ซีนน่าจับตามองที่จะทำให้แฟนคลับสับสนคือ?
ซะโฮ : บทที่ฉันเล่นเป็นบทผิดแปลกที่เป็นคนกำกุญแจของเรื่องครั้งนี้ไว้ค่ะ เพราะเป็นบทที่ห่างไกลกับตัวเองในยามปกติ ก็เลยไม่รู้ว่าจะจับจุดการถ่ายทอดอารมณ์ออกมายังไงดีล่ะค่ะ เพราะงั้นอยากจะค้นหาให้ดีว่าจะเล่นออกมายังไงผ่านช่วงฝึกซ้อมต่อจากนี้ล่ะค่ะ
นาโอะ : เป็นบทที่ท่าทางยากซะจริงเลยล่ะค่ะ
ซะโฮ : อื้ม วันนี้ก็ถูกมารุโอะซังกดดันมาว่า “ไม่รู้ศักยภาพของอิวาตาเตะซัง ก็เลยให้เล่นบทนี้ อยากจะเห็นว่า ถูกไล่บี้แล้วจะทำได้ถึงขั้นไหน” (หัวเราะแหยๆ) เพราะไม่รู้ว่าตัวเองทำได้ถึงขั้นไหนก็เลยอยากแสดงออกมาอย่างพลิกแพลงได้ค่ะ
โอเมกุ : ฉันเล่นบทผู้หญิงที่มีความแข็งข้อไม่ยอมพ่ายแพ้ที่ชื่อ อิชิบาชิ นาโอโกะค่ะ ตัวเองปกติแล้วเป็นพวกว่าง่ายอยู่ แต่ถ้าได้ลอกอีกด้านที่ยังแสดงออกไม่หมด หรือเปลือกที่ยังฉีกออกไม่หมดออกมาได้ผ่านละครเวทีนี้ได้ก็คงดีล่ะค่ะ
โอเมกุ : ใช่ค่ะ! แต่ว่าฉันไร้ความดึงดูดอย่างน่าสิ้นหวังเลยล่ะค่ะ! เพราะงั้นตั้งแต่พรุ่งนี้จะดูแล้วศึกษาจากพวกนิตยสารกราเวียร์ล่ะค่ะ!
ทุกคน (หัวเราะ)
นาโอะ : ยามาโมโตะ ฮิบาริ ที่ฉันเล่น ในตอนแรกเป็นผู้หญิงขี้อาย แต่ว่าหลังจากถูกกักขัง ก็กลายเป็นคนที่มีความรู้สึกเกลียดชังที่สั่งสม ความทรมาน ความคลุ้มคลั่งค่ะ เป็นบทที่เปลี่ยนนิสัยฉับพลันกลางคันเพราะงั้นถ้าไม่เล่นโดยที่ให้ความหนักแน่นของคำพูดที่ออกมาลงไปก็จะใช้ไม่ได้ หวังว่าจะเล่นช่วงเวลาที่พบความคลุ้มคลั่งของตัวเองในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนได้ก็คงดีล่ะค่ะ
นาโอะ : ถึงเมื่อกี้เมกุซังจะพูดว่าไม่มีมุมที่เซ็กซี่ แต่ตามเพลงที่ดูเป็นผู้ใหญ่นี่ออกออร่าที่ชวนดึงดูดเลยล่ะค่ะ เพราะงั้นตั้งตารอว่าจะดึงออร่านั้นออกมาผ่านบทนี้ได้รึเปล่าสุดๆ เลยค่ะ
โอเมกุ : ถูกพูดงี้ก็ตื่นเต้นแย่สิ (ฮา) ของฉัน บทซาโฮะซังเป็นบทที่สั่นกลัวต่างกับยามปกติสุดๆ ก็เลยตั้งตารอความต่างสุดขั้วนั้นแหละค่ะ ตอน ‘Majimuri Gakuen’ เองก็เล่นบทที่ต่างจากปกติสุดสุดๆ เช่นกัน เลยคาดหวังอย่างมากค่ะ ตะนาโอะจัง (โอตะ นาโอะ) เองก็แสดงเก่งมากๆ เลยตั้งตารอชมว่าจะเล่นบทที่ยากได้ดีแค่ไหนค่ะ
โอเมกุ : ทำให้ลำบากใจแหงเลย~!
10 ปีให้หลังก็ยังชวนซึ้ง! กับสิ่งที่ทั้ง 3 คนอยากใส่ลงไปในไทม์แคปซูล
ซะโฮ : คำว่า “エモい” เนี่ยท่าจะเลิกฮิตแหง (ฮา)
โอเมกุ : จริงด้วย~!
ซะโฮ : ฉันอยากใส่รูปตอนนี้ไปจัง รูปถ่ายเนี่ย ถึงตอนนี้จะคิดว่ามันดี แต่ก็มีบ้างที่กลายเป็นอดีตในยุคดำมืดไม่ใช่เหรอคะ (ฮา) อยากจะตั้งตารอว่าใน 10 ปีให้หลังมาดูรูปตอนนี้แล้วจะรู้สึกยังไงล่ะค่ะ
นาโอะ : ฉันอยากใส่รูปสมัยมัธยมต้นลงไปค่ะ ฉันเกลียดรูปสมัยนั้นเอามากๆ ไม่อยากจะดูมันอย่างเด็ดขาดเลยค่ะ! แต่ว่านับจากตอนนี้ถ้าผ่านไป 10 ปี รูปถ่ายนั้นเองก็ผ่านไปราวๆ 1 รอบคิดว่าน่าจะเห็นแล้วดูน่ารักขึ้นมาล่ะค่ะ (ฮา)
โอเมกุ : ต้องน่ารักแน่ๆ ของแบบนั้น!
นาโอะ : ไม่ค่ะๆ! เป็นผมสั้นที่ตัดหน้าม้าเหนือคิ้ว แถมยังเป็นชุดนักเรียนแบบสูททับที่ไม่เข้าเลยสักนิดล่ะค่ะ อยากจะลองถามตัวเองใน 10 ปีข้างหน้าว่า “ทรงผมนี้เป็นไง?” ล่ะ (ฮา)
โอเมกุ : อยากให้มาชมโดยที่ “ไม่มีอะไรเลย” ล่ะค่ะ คิดว่าการที่มาชมละครเวทีนี้โดยที่ไม่คิดอะไรนั้น จะมีสิ่งที่สามารถถ่ายทอดออกมาจากบนเวทีได้อย่างแน่นอน ไม่อยากให้คิดแค่ว่า “เป็นแค่ผลงานน่ากลัว” คิดว่าเป็นละครเวทีที่ก่อให้เกิดความเห็นหลากหลายด้วย อยากจะใส่ใส่ใจกับความรู้สึกที่แตกประเด็นออกมาตอนชมกันล่ะค่ะ
นาโอะ : คิดว่าจะได้รู้สึกช่วงที่เรื่องราวเริ่มต้นไปยังโลกที่ผิดปกติค่ะ แถมยังจะพัฒนาไปสู่การคลี่คลายปมเรื่อยๆ ด้วย เพราะงั้นอยากจะให้สนุกกันโดยที่ปล่อยให้ร่างกายไปตามลำดับของเรื่องโดยที่ไม่คิดอะไรล่ะ
ซะโฮ : ละครเวทีนี้มีพูดคำที่ไม่เหมาะกับไอดอลออกมาเยอะ เพราะงั้นอยากจะให้ชมกันโดยที่ไม่มองว่าพวกเราเป็นไอดอลกันค่ะ ถ้าเผลอมองว่าเป็นไอดอล คิดว่าต้องมีจุดที่รับไม่ได้อยู่แน่เลยค่ะ แต่ถ้าเตรียมตัวที่จะมาดูสิ่งที่แสดงในฐานะบทของผลงานชิ้นหนึ่งกันได้ จะสนุกดื่มด่ำกับโลกของละครเวทีนี้กันได้เต็มที่ เพราะงั้นจะดีใจถ้าจะมาดูกันโดยที่ลืมเวที AKB48 ทิ้งไปสักครั้งล่ะค่ะ!