ผลงานลี้ลับที่เล่นไปเมื่อปี 2006 และปี 2014 ในครั้งนี้มารีเมคอีกครั้งในแบบฉบับสลับเพศชายหญิง โดยร่วมมือกันระหว่าง AKB48 x Gekidan Shika Goroshi x CONDORS ในช่วงการแสดงมีทั้งจัดช่วง Opening Act ที่สร้างปากทางสู่โลกแห่ง Yama Inu จากมุมมองของนักแสดงแต่ละคน มีทั้ง After Talk Event แถมยังมีกำหนดการเพิ่มการแสดงของบทเพื่อนร่วมชั้นโดยเมมเบอร์ AKB48 ที่ผลัดเปลี่ยนไปแต่ละรอบอีกด้วย
ทาง GirlsNews ได้ทำการสัมภาษณ์ทั้ง 3 คนที่ได้แสดงต่อเนื่องจาก Majimuri Gakuen ฉบับละครเวทีที่เล่นในเดือนตุลาคม 2018 และถามถึงความมุ่งมั่นที่มีต่อผลงาน
-- เริ่มจากช่วยแนะนำบทที่เล่นอย่างง่ายๆ หน่อย
ซะโฮ : ผลงานชิ้นนี้เป็นเรื่องราวที่สมาชิกจากงานเลี้ยงรุ่นถูกกักขัง แต่ฉันไม่ใช่ฝั่งที่โดนกักขัง เป็นบทที่ผิดแปลกออกไปหน่อยๆ ค่ะ เป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยปริศนาจากเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อนค่ะ
โอเมกุ : เป็นประธานชมรมคอรัส เป็นคนที่เหมือนกับเป็นลีดเดอร์ค่ะ ที่จริงยังเพิ่งได้รับบทละครในครั้งนี้หมาดๆ ถึงยังไม่ได้วิเคราะห์อะไรเท่าไหร่ แต่เป็นคนที่เกลียดการพ่ายแพ้ และมีมุมที่หลงรักอาจารย์อยู่ข้างเดียวค่ะ
นาโอะ : บทของฉันเป็นเด็กที่ถูกแกล้งสมัยอดีต สถานการณ์ถูกกักขังทำให้เป็นจุดชนวนที่ดึงความแค้นใจในอดีตออกมา คิดว่าเป็นตัวละครที่มีความต่างในด้านการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดค่ะ
– ขอถามถึงความรู้สึกหลังทราบว่าได้แสดง และรู้สึกต่อผลงานอย่างไรหน่อย
ซะโฮ : ได้ทราบเรื่องประมาณ 1 เดือนหลังละครเวที Majimuri Gakuen ไม่คิดว่าจะได้ผลงานถัดไปเร็วขนาดนี้ ก็เลยดีใจอย่างมากค่ะ จากนั้นก็ได้ฟังเรื่องย่อ และชมวิดีโอที่แสดงตอนปี 2014 รู้สึกตกใจกับเนื้อหาที่รุนแรงล่ะค่ะ
โอเมกุ : ได้ฟังจากสตาฟว่า “ได้เล่นละครเวทีนะ” ตอนนั้นเป็นช่วงพักในงานจับมือพอดี เลยนึกอะไรไม่ค่อยออก ถึงจะเป็นคำตอบที่เบาหวิวก็ตาม แต่พอทราบว่ามารุโอะซังกำกับกันตอน Majimuri Gakuen เป็นชวนก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากค่ะ เพราะฝันอยากเป็นนักแสดงหญิงในอนาคตเลยดีใจอย่างมากที่สามารถไปสู่งานถัดไปได้สำเร็จค่ะ ถึงจะมีประสบการณ์ด้านละครเวทีน้อยกว่าทุกคน แต่จะพยายามค่ะ
นาโอะ : ก่อนหน้านี้ตอนที่ได้ชมละครเวทีของ Gekidan Shika Goroshi ก็รู้สึกว่านักแสดงทุกคนเล่นออกมาอย่างสนุก ดูกระตือรือล้นมีชีวิตชีวาล่ะค่ะ เลยชื่นชอบตรงที่ถ้าได้เล่นละครเวทีด้วยกันต้องได้เรียนรู้อย่างมากแน่เลยค่ะ เพราะงั้นตอนทราบว่าได้แสดงก็เลยดีใจอย่างมากค่ะ ตั้งตารอที่จะได้เรียนรู้หลายอย่างจากนักแสดงทุกท่านค่ะ
-- ใส่ใจในการสร้างตัวละครครั้งนี้ขึ้นมาอย่างไรบ้าง
ซะโฮ : บทครั้งนี้ถึงรูปลักษณ์ภายนอกจะเป็นผู้หญิงแต่งชุดปกกะลาสีก็ตาม แต่เป็นคนที่แทนตัวเองว่า “โบขุ (คำแทนตัวของผู้ชาย)” เป็นตัวละครที่ให้ความรู้สึกถึงเพศตรงกลางค่ะ ช่วงที่อ่านบทนั้นรู้สึกว่า ว่าอารมณ์และการกระทำไม่ไปด้วยกัน แถมค่อนข้างไม่เข้ากัน เลยหวังว่าจะสามารถค้นหาหลากหลายวิธีที่ถ่ายทอดสิ่งนี้ออกมาได้ดี ถ้าเจอคำตอบในแบบของตัวเองออกมาได้ก็คงดีค่ะ
โอเมกุ : มีส่วนที่คิดว่าเหมือนบทที่เล่นใน Majimuri Gakuen แต่ครั้งนี้เป็นบทสาวนั่งดริ๊งก์ล่ะค่ะ ตัวเองไม่มีอะไรที่ชวนดึงดูดสักนิดเลย เลยคิดว่าต้องพยายามที่จะทำยังไงให้ออกมาดูชวนดึงดูดล่ะค่ะ
นาโอะ : เป็นบทผู้หญิงที่ขี้อาย แต่ด้วยสถานการณ์ที่ถูกไล่บีบคั้น ไม่เชิงว่าปรากฏธาตุแท้ออกมา แต่เผยด้านที่แย่ของมนุษย์ออกมาล่ะค่ะ เป็นบทที่ห่างไกลกับตัวเองเลยดูลำบาก โดยโจทย์คือจะแสดงความแตกต่างว่า “คนเราที่สามารถเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้” ออกมาได้แค่ไหน อยากจะตั้งเป้าหมายด้วยการก้าวข้ามตัวเองผ่านการซ้อมค่ะ
-- เห็นว่ามีการสลับเพศชายหญิงของตัวละครต่างจากการแสดงครั้งแรก ในจุดนี้รู้สึกถึงความแตกต่างไหม?
นาโอะ : ลองอ่านบทแล้ว ถึงประเด็นหลักจะเหมือนกันแต่มีส่วนประกอบที่เปลี่ยนไปโดยให้เข้ากับพวกเราที่จะแสดงนั้นนั้นเพิ่มขึ้นมา แถมคิดว่ามีข้อดีที่ต่างไปอีกแบบของการที่สับเปลี่ยนเพศชายหญิงด้วยค่ะ
-- ภาพ Visual ตามโปสเตอร์นี่เหมือนภาพยนตร์สยองขวัญเลย ค่อนข้างช็อคกันสินะ มีเอพิโซดอะไรในช่วงถ่ายแบบกันบ้างไหม
ซะโฮ : เพราะเป็นธีมกักขังก็เลยแต่งหน้าให้ดูซูบผอม ดูไม่น่าชมล่ะค่ะ การแต่งหน้าเองก็ค่อนข้างจะใช้เวลานาน ช่วงเวลาที่รอก็ถ่ายรูปสติ๊กเกอร์ที่มีอยู่ในสตูดิโอกันทั้งชุดปกกะลาสี เลยรู้สึกชิลล์ๆ กันล่ะค่ะ แต่ข้างๆ มีถ่ายที่น่ากลัวๆ อยู่เนี่ย ดูเป็นอะไรที่สุดขั้วดีนะคะ
โอเมกุ : ช่วงที่กำลังแต่งหน้าก็ตกใจใบหน้าตัวเองที่เปลี่ยนไปล่ะค่ะ รอยแผลถูกเติมเรื่อยๆ ประทับใจตอนที่มันเพิ่มขึ้นทีละอันทีละอันค่ะ อย่างตอนที่เมมเบอร์คนอื่นถูกแต่งหน้าก็รู้สึกประทับใจว่า “มีการแต่งหน้าแบบนี้อยู่ด้วยล่ะ!” แถมตกใจด้วยล่ะค่ะ ตอนถ่ายแบบเป็นหน้าหนาว เลยหนาวสุดๆ ถึงจะลำบากก็ตาม แต่ช่างคอสตูมช่วยนวดเท้าให้ ความใจดีของผู้คนเนี่ยชวนอบอุ่นใจดีจังเลยล่ะค่ะ
นาโอะ : หนาวจริงๆ เลยค่ะ โซ่ที่พันตัวนี่เย็นสุดๆ ไปเลย เป็นโซ่ของจริงก็เลยทั้งแข็งและเจ็บแถมยังหนักอีก เวลาลุกขึ้นยืนจะยืนเองคนเดียวไม่ได้ ต้องให้ช่วยค่ะ การแต่งหน้านี่มันเป็นความรู้สึกที่ตั้งแต่ถูกกักขังก็ไม่ได้กลับบ้าน จะอารมณ์อย่างมาสคาร่าหลุดลอกเอย หรือผมเสียทรง คิดว่าเป็นความรู้สึกที่เพราะเป็นผู้หญิงเนี่ยแหละถึงแสดงออกมาได้ คิดว่าบนละครเวทีก็จะมีอะไรต่างออกไปอีก ก็ตื่นเต้นว่าจะออกมาแบบไหนล่ะค่ะ
-- มีประเด็นที่แต่ละคนคิดว่าอยากก้าวข้ามให้ได้เพื่อการแสดงบ้างไหม?
ซะโฮ : ฉันไม่ค่อยถนัดการสื่อสารกับผู้คนเท่าไหร่ พอถูกไล่บีบคั้นผ่านพวกละครเวทีก็มักจะเข้าสู่โลกของตัวเองค่ะ Majimuri Gakuen ครั้งก่อนก็อยู่คนเดียวซะเยอะ แต่ครั้งนี้เป็นละครเวทีที่มีกันแค่ 6 คน เลยตั้งใจจะใส่ใจถึงเรื่องคุยกับผู้คนล่ะค่ะ
โอเมกุ : ถึงละครเวทีครั้งนี้จะมีด้านที่ชวนตกใจอยู่เยอะ แถมฉันกลัวอะไรที่น่ากลัว ขนาดแค่ของมีคมโผล่ออกมาก็กลัวแล้ว เลยอยากจะก้าวข้ามตรงจุดนี้ให้ได้ก่อนค่ะ
– แล้ว 2 คนที่เหลือสบายๆ กับ Horror หรือเปล่า?
ซะโฮ/นาโอะ : กลัวค่ะ! (ฮา)
โอเมกุ : ฉันถึงจะเห็นอย่างนี้แต่ก็เป็นพวกขี้อาย เลยต้องเริ่มจากตรงที่คุยกับคนอื่นล่ะ เพราะได้ร่วมแสดงกับคนที่ไม่ใช่เมมเบอร์ AKB48 เลยอยากจะพยายามที่จะสื่อสารกับคนให้ดีค่ะ
นาโอะ : ที่ตัวเองกังวลอยู่สุดๆ ก็จะเป็นเรื่องจะสามารถแสดงความแตกต่างสุดขั้วนั้นออกมาผ่านการแสดงได้แค่ไหนล่ะค่ะ ฟีลเด็กที่ถูกแกล้งมาโดยตลอดเป็นฝ่ายเอาคืน คิดว่าโจทย์ที่สำคัญสุดคือการแสดงความกลัวที่อยู่ในจิตใจคนออกมาให้ได้ค่ะ
-- คิดว่าทั้ง 3 คนจะยุ่งๆ กับกิจกรรมของวง แต่เพื่อตั้งเป้าหมายเป็นนักแสดงหญิงแล้ว มีอะไรที่ใส่ใจในยามปกติกันไหม
ซะโฮ : ฉันชอบไปดูละครเวที คิดว่าในผลงานและแนวคิดต่างๆ นั้นมีอยู่มากมายตามสังคม โดยจะไม่ปฏิเสธสิ่งที่ตัวเองไม่มี จะให้ความสำคัญในการเปิดโลกทัศน์ตัวเองค่ะ นี่ก็เพิ่งดูภาพยนตร์เกาหลีเรื่อง “Beauty Inside” ที่เพื่อนแนะนำไปพอดี พอลองดูแล้วรู้สึกสนุกดีล่ะ เป็นผลงานที่แปลกออกไปตรงที่ทุกครั้งที่ตื่นมาจะเจอคนที่ต่างออกไป ทำให้รับแรงกระตุ้นดีค่ะ
โอเมกุ : ฉันชอบดูละครและภาพยนตร์อย่างมาก ตั้งแต่ที่อยากจะเป็นนักแสดงก็จะเริ่มดูโดยที่สังเกตการแสดงไปโดยธรรมชาติ ตอนที่อ่านมังกะผ่านสมาร์ทโฟนเองก็อ่านบทพูดของตัวละครที่ปรากฏในเรื่องแบบออกเสียงด้วยค่ะ ถึงจะถูกครอบครัวฟังโดยไม่ได้ตั้งใจแล้วจะรู้สึกอายมากๆ แต่ในตอนนี้สนุกกับการตั้งเป้าเป็นนักแสดงสุดๆ ล่ะค่ะ
นาโอะ : ฉันเองก็ชอบดูละครและภาพยนตร์ เลยมักจะไปโรงภาพยนตร์ค่ะ ในนักแสดงหญิงจะชอบชิโนฮาระ เรียวโกะซังอย่างมาก วันก่อนก็ดูภาพยนตร์เรื่อง ‘Ningyo no Nemuru Ie’ ที่แสดงมา จะว่าการเปลี่ยนแปลงรึเปล่านะ แต่การแสดงนั้นส่งผลกระทบอย่างมากเลยล่ะค่ะ
-- สุดท้ายนี้ ช่วยฝากข้อความถึงคนที่จะมาชมละครเวทีหน่อย
ซะโฮ : บทครั้งนี้มีทั้งการแสดงอารมณ์และคำพูดที่ไม่มีทางให้เห็นเวลาอยู่ AKB48 ตามปกติ ถึงรู้สึกว่าจะเป็นความแตกต่างอันสุดขั้ว แต่ก็อยากให้ตกใจในด้านนั้นกันล่ะค่ะ จะพยายามให้ค้นพบด้านใหม่ว่าสามารถทำอะไรแบบนี้ได้ด้วย จะดีใจถ้ามาดูกันนะคะ
โอเมกุ : ฉันถูกแฟนๆ บอกว่า “เวลาพูดแล้วดูเหมือนเด็กๆ เลย” อยู่หลายครั้ง คิดว่าถ้าได้ดูละครเวทีครั้งนี้แล้วต้องตกใจว่า “เมกุจังเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้วเหรอ!?” ล่ะค่ะ อยากจะจบการศึกษาจากเด็กน้อยเมกุจังแล้วเป็น “ผู้หญิงที่ดี” ผ่านละครเวทีนี้ได้ค่ะ
นาโอะ : บทนี้เป็นบทที่แสดงด้านแย่ของมนุษย์ออกมา รู้สึกกังวลหน่อยๆ ว่าแฟนๆ จะพลอยรู้สึกไม่ดีหรือเปล่าค่ะ แต่จากที่ได้รับประสบการณ์จากละครเวทีมาจนถึงตอนนี้ ก็อยากจะก้าวข้ามความคาดหวังของทุกคน จะพยายามแสดงเพื่อให้ชวนรู้สึกถึงบท “ผู้หญิงที่น่ารังเกียจ” ล่ะค่ะ